**** Noted: This content will be a story of my day trip to Kizhi Island in Thai. However, I understand that it is difficult to find information about directions and how to get there on Google. Therefore, I will include some parts of my story in English. I hope this will be helpful for everyone. 🙂 ****
ครั้งแรกที่เรารู้จัก Kizhi Island มาจากเพื่อนคนนึงที่บอกว่าเห้ยถ้าไป Saint Petersburg อยู่แล้วทำไมไม่ลองไปเลยไปดู เกาะนี้น่าไปมาก สวยมาก อยู่บนปก Lonely Planet Russia บลา บลา จนในที่สุดเราก็เริ่มหาข้อมูลเพื่อทำทริปนี้ มาดูและรู้จักกันคร่าวๆกันก่อนว่าเกาะนี้คืออะไร
Kizhi island คือเกาะที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Karelia ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย (โซนที่คนไทยชอบไปล่าแสงเหนือกัน หลายๆคนจะคุ้นๆเมืองอย่าง Murmansk) ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Onega ห่างออกไปจากชายฝั่งของเมืองหลวงของ Karelia คือ Petrozavodsk ประมาณ 68 กม.

OK แล้วเกาะนี้มันยังไง? มารู้จักกันมากขึ้นกัน
สำหรับคำว่า Kizhi นั้นเพี้ยนมาจากคำว่า “Kizhat” ของชาว Karelian ที่แปลว่า “สนามเด็กเล่น” โดยคาดว่าสมัยก่อนเกาะแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆของเผ่า Finno-Ugric ที่เคยอาศัยแถวนี้
Kishi Island นั้นกว้างใหญ่มากมีความยาวประมาณ 6 กม. และกว้างประมาณ 1 กม. โดยพื้นที่ทั้งหมดได้รับอนุรักษ์ไว้ให้เป็น “Open-air museum Kizhi” (หนึ่งใน open-air museum ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย) ซึ่งเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1951 และรวบรวมสิ่งก่อสร้างไม้ดั้งเดิมไว้ประมาณ 87 ชิ้น ที่เป็นการแสดงถึงสุดยอดภูมิปัญญาในด้านงานสถาปัตยกรรมไม้ของคนในแถบตอนเหนือนี้ ซึ่งที่โด่งดังที่สุดและเป็นไฮไลท์ของที่นี่หนีไม่พ้นโบสถ์และพื้นที่ในรั้วบนปก lonely planet คือ Kizhi Pogost (The Churchyard of Kizhi) ซึ่งเป็นพื้นที่ภายในรั้วที่ข้างในมีโบสถ์ใหญ่ 2 โบสถ์ และหอระฆัง ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะ ในปัจจุบันได้รับประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์โดย UNESCO World Heritage list ให้เป็น world cultural heritage อีกด้วย

สำหรับทางเหนือจะมีบ้านของชาวนา รวมไปถึงหมู่บ้าน ร้านค้า โบสถ์ให้เราได้ดูและศึกษาประวัติศาสตร์ของคนในแถบนี้ (แนะนำว่าคนที่มาให้เดินไปเที่ยวทางโบสถ์และโซนทางใต้ก่อน เดี๋ยว detail เพิ่มเติมจะมาเล่าเพิ่มเติมนะครับ)
มารู้จักข้อมูลเพิ่มเติมของของสถาปัตยกรรมต่างๆบนเกาะนี้กันดีกว่า
Kizhi Pogost
จากหลากหลายเอกสารคาดกันว่าก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 15 และได้ถูกฟ้าผ่าจนไฟไหม้ในช่วงศตวรรษที่ 17 หลังจากนั้นโบสถ์แรกก็ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นโบสถ์ที่มียอดโดม 9 โดม หลังจากนั้นโบสถ์ใหญ่ที่มี 22 โดมและสูง 37 เมตร ได้ถูกสร้างต่อมาหลังจากที่สร้างหอระฆังเสร็จในปี 1714

โบสถ์ Kizhi มีโครงสร้างแบบ octahedron ตั้งอยู่บนฐานหิน และไม่ได้มีฐานที่ลึกแต่อย่างใด แต่ที่น่าสนใจคือจุดเด่นของโบสถ์คือการต่อกันของ joint ต่างๆให้เข้าล็อกโดยไม่ได้ใช้ตะปูเลย ตัวยอดโดมต่างๆนั้นใช้วิธีการซ้อนทับไปเรื่อยๆของไม้ ความน่ามหัศจรรย์คือในช่วงฤดูฝนจะดูออกเป็นสีคล้ายๆสีดำเนื่องการดูดซับความชื้น ในขณะที่เวลาที่กระทบกับแสงอาทิตย์ไม้จะสะท้อนแสงออกมาทำให้ดูวิววับคล้ายกับสีเงิน ความน่าสนใจอีกอย่างคือกระเบื้องไม้ต่างๆเหล่านี้วางซ้อนทับกันกว่า 3 หมื่นชิ้นเข้าล็อคเหลี่ยมโดยไม่ได้ใช้น็อตต่อเลย (เสียดายมากๆตอนเราไปกำลังบูรณะถ้าเสร็จต้องสุดยอดมากๆ เห็นเค้าว่ากันว่าน่าจะอีกประมาณ 2 ปี ถึงจะเสร็จ)


ห้องนี้ในโบสถ์ ไม่ได้ใช้เพียงแค่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่เป็นที่ประชุมของชาวนาท้องถิ่นด้วย งานตกแต่งที่นี่สวยมากซึ่งของเก่ามาตั้งแต่ยุคช่วงศตวรรษที่ 17 – ต้นศตวรรษที่ 18
พื้นที่รอบๆ
ตั้งแต่ปี 1951 ได้มีการย้ายอาคารไม้โบราณจำนวนมากมาไว้บนเกาะนี้เพื่ออนุรักษ์ รวมไปถึง Church of the Resurrection of Lazarus จากสุสาน Murom ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ์ไม้ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงอยู่ในรัสเซีย, หอระฆัง, บ้านชาวนามากกว่า 20 หลัง, โรงสี, ยุ้งฉาง และซาวน์นา อีกด้วย ซึ่งบ้านต่างๆเหล่านี้มีลักษณะของบ้านไม้ที่มาจากยุคศตวรรษที่ 19 เป็นบ้านที่แสดงการใช้ชีวิตของคนทางเหนือ ซึ่งภายในมีความน่าสนใจที่ได้แบ่งพื้นที่ในห้องได้อย่างชัดเจนเช่นห้องเก็บของ ห้องเลี้ยงเด็ก ห้องครัว หรือห้องเก็บอุปกรณ์การใช้ชีวิตต่างๆ




บ้านหลังหนึ่งที่น่าสนใจคือ บ้านของครอบครัว Elizarovs ที่สร้างโดยไม่มีปล่องควัน และมีการวางสัดส่วนได้ดีมาก โดดเด่นด้วย feature ของงานสถาปัตย์หิน (urban stone) ใครที่มาเที่ยวที่นี่จะเห็นได้เลยว่างานสถาปัตย์ฯของหมู่บ้านทางเหนือของรัสเซียนั้นมีความซับซ้อนสูง และมีฟอร์มที่หลากหลาย ซึ่งต้องใช้ช่างที่มีงานฝีมือสุดยอดมากๆเพื่อสร้างงานตรงนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจมากๆคือการจัด proportion ภายในบ้านที่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้แบบไม่ต้องออกไปไหนในฤดูที่หนาวมากๆ และยังสามารถเก็บของในบ้านได้เยอะมาก คนสมัยก่อนภูมิปัญญาสุดๆมาก



ในปี 1993 มิวเซียมนี้ก็ได้ถูกรวมให้อยู่ใน Russian Cultural Heritage sites ซึ่งปัจจุบันได้รวมงานต่างๆกว่า 41,000 ชิ้น โดยส่วนใหญ่สิ่งของท้องถิ่นอย่างเช่น อุปกรณ์, งาน, ภาชนะ, เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ บางชิ้นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เลยทีเดียว
วิธีการไป Kizhi island < How to get there>
เนื่องจากไม่มีการขนส่งหลักใดๆจากเมืองใหญ่มาที่นี่ วิธีการที่สะดวกที่สุดคือการนั่ง hydrofoil (เรือตัดคลื่น) ซึ่งจะมีในหน้าร้อนเท่านั้น นอกจากนั้นยังมี Cruise ที่หลายทัวร์จะพามาที่นี่, รถ snowcat (ในหน้าหนาว) หรือเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนกระเป๋าหนักครับ
There are so many ways to get to Kizhi Island. In the summer, the hydrofoil is the best and cheapest way to get there. If you go in the winter, you may have to try harder, and snowcat is one of the options for you, apart from all-year-service transportation such as helicopter. Another option with less complication is to use a local tour guide service. They provide day trips or 2-day 1-night itineraries to give you more time to explore Petrozavodsk.
Note: I’ve heard that it’s possible to stay on the island, and it’s really interesting. Please find out more if you’re interested.

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเองซึ่งส่วนใหญ่น่าจะมาจาก St. Petersburg (ข้อมูลหายากนัก) เรามี how to การไปตามนี้เลยครับ
If you are traveling from St. Petersburg to Kizhi Island, an overnight train is the best option.

1. เดินทางไปเมือง Petrozavodsk สำหรับวิธีที่ประหยัดเวลาที่สุดคือขึ้นรถไฟ overnight train ถึงประมาณ 6 โมงกว่าๆ
The train will depart from the city at around 11:00 PM and will arrive in Petrozavodsk at around 7:00 AM.


หน้าตาของตู้นอนชั้น 2 ของที่นี่ นอนสบายแต่ต้องปูที่นอนเอง ( ที่นอนอยู่เหนือประตู และแนะนำมากๆให้จองนอนข้างล่าง เพราะชั้นบนไม่มีที่ให้ปีน เวลาขึ้นลงลำบากมาก)
I recommend booking a lower bunk bed, as there are no stairs to climb. If you are a female traveler, you may also want to book a female-only room for your own safety and comfort.

2. การเดินทางไปท่าเรือจากสถานีรถไฟจะงงมากเพราะตอนเราไปคนแถวนั้นก็ไม่รู้ว่าตรงไหน แนะนำตามไปจาก map นี้เลยนั่ง taxi ก็ได้ แต่เราแนะนำว่าเดินลงไปตามถนน Prospekt Lenina ชิวๆจนถึงทะเลดีกว่าเพราะถึงเช้าก็ไม่มีไรทำอยู่ดี ตอนเราไปนั่งแวะทานอาหารเช้าที่ McDonalds ฆ่าเวลาชิวๆ
Direction from the station to the pier:
I recommend walking down from the station along Prospekt Lenina to the coast. When you reach the end of the walkway, walk to the right and you will see the ticket office. You can check > Google Maps< for directions.
Note: The train will arrive very early in the morning, so you may want to have breakfast at Piter Inn for around 500 rubles. They have a buffet breakfast and you can leave your luggage for free. Another option is to walk down to McDonald’s for a simpler breakfast.

3. เมื่อไปถึงเช็คเวลาให้ดีว่าเรือออกกี่โมง ควรไปแต่รอบแรกเลย (รอบแรกประมาณช่วง 10 โมง แต่บางทีก็ไหลไป 11 โมงเลย แล้วแต่วัน) พนักงานจะขายเป็น round trip ให้ โดยขากลับก็เป็นเรือรอบแรกประมาณบ่ายสามกว่า (เราว่าเวลากำลังดีนะ เพียงพอที่จะเดินชิวบนเกาะจนเบื่อ และกลับถึงฝั่งเย็นๆพอดี มีเวลาเดินเล่นในเมือง เหมาะสำหรับคนที่กลับรถไฟคืนนั้นเลย) แต่ถ้าใครอยากกลับรอบต่อไปก็ลองบอกเค้าดูตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วนะ (ปล.ถ้าได้ขึ้นเรือเร็วนั่งหน้าจะวิวดีนะครับ ส่วนกลางเรือสามารถออกมาถ่ายรูปได้ แต่เหม็นควันนิดนึง)
Here is the price list. For a day trip, I recommend buying a return ticket and departing as early as possible. The ticket officer will choose a return time for you. Trust her! It makes sense.


สำรวจเกาะ <How to explore the island>
เมื่อถึงเกาะไม่ต้องรีบร้อนนะครับ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนครับ แล้วค่อยไปซื้อตั๋วที่ทางเข้ามิวเซียม สำหรับวิธีการสำรวจเกาะที่มีพื้นที่ยาว 6 กม.มีหลายแบบนะครับ เช่น เดิน,นั่งรถม้า หรือปั่นจักรยานก็ได้ตามที่สะดวก สิ่งที่เราอยากจะแนะนำคือ
Note: The island is quite large. I suggest you use the toilet before entering the museum.

1. เมื่อถึง Kizhi Island ถ้าเดินเองไม่ได้มากับทัวร์ไม่ต้องเดินถามกลุ่มคนรัสเซียไปก็ได้ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อน (ข้างในห้องน้ำจะหายากหน่อย) แล้วค่อยเดินไปที่จุดขายตั๋วของมิวเซียม

ชื่อเรือและเลขจะถูกเช็คทุกครั้งก่อนขึ้นเรือ
2. เช็คกิจกรรมต่างๆที่สนใจจากจุดขายตั๋วก่อน แล้วค่อยเข้าไป (ไม่แน่ใจว่ามีไกด์อังกฤษมั้ย ตอนเราไปไม่มี)

ราคาและค่าเข้าต่างเช็คได้ทางนี้

3. เริ่มชมทางใต้ของเกาะก่อนซึ่งรวมไปถึง Kizhi Pogost ด้วย เพราะคนจะยังไม่เยอะยิ่งถ้าไปเรือเที่ยวแรกจะไม่มีคนเลย เมื่อเสร็จแล้วค่อยมาดูตรงอีกฝั่งซึ่งคุณสามารถไปได้หลายรูปแบบ (จักรยานไม่สามารถปั่นทางฝั่งใต้ได้)
Tip: Start your visit in the south of the island including the Kizhi Pogost first then explore the north later. This is the best way to avoid the crowd.

4. เช็คเวลาขากลับให้ดี เรือออกตรงเวลา ใครเสร็จแล้วสามารถแวะนั่งกินข้าว หรือซื้อของฝากระหว่างรอเรือได้
Tip: Make sure to be on time to get the hydrofoil back to the mainland. If you be early you can spend time in a cafe, restaurant and souvenir shops.

*แนะนำเพิ่มเติม: นอกจากการมาเองแล้ว ยังมีอีกทางที่สะดวกคือการติดต่อ local tour ของที่นี่ล่วงหน้า ซึ่งที่นี่มีทั้งแบบ day trip และแบบ 2 วัน 1 คืน ซึ่งบริษัทจะจะช่วยดูแลให้ตั้งแต่รถไฟจอด รวมไปถึงทริปในเมืองด้วย แต่ราคาก็จะสูงถ้าเทียบกับการไปเองครับ
สรุปเลยนะครับ ไม่อยากให้พลาด Kizhi Island กันนะครับถ้าใครมีเวลา เพราะนอกการความอลังการของพื้นที่ที่ใหญ่โต และสถาปัตยกรรมทางเหนือของรัสเซียแล้ว เรายังได้เห็นได้เข้าใจการใช้ชีวิตของคนแถบนี้ในสมัยก่อนอีกด้วย ซึ่งเค้าเก็บไว้ได้อย่างดีและเห็นภาพการใช้ชีวิตมากๆ แต่ถ้าเอาแบบสั้นๆคือ ไปเถอะ ตลอดเวลาที่เราเดินเล่นในเกาะ เราได้แต่ร้อง ”ว้าว แม่ง สุดยอดไปเลย” เราเชื่อว่าคุณก็ต้องเป็นเหมือนกันแน่นอน

Ref: Wikipedia, Kizhi guide book